“ออริจิ้น อีอีซี” ปรับโครงสร้างตอกย้ำพัฒนาสมาร์ทซิตี้ในชลบุรี-ระยอง เตรียมสร้างหลากปรากฏการณ์ผ่าน 5 คอนโดใหม่ มูลค่ากว่า 5,000 ล้าน
“ออริจิ้น อีอีซี” เปิดตัวซีอีโอใหม่ “ปิติ จารุกำจร” ปรับโครงสร้างธุรกิจสู่บริษัทลูกของวัน ออริจิ้น ร่วมขับเคลื่อนแผน Origin Multiverse พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและสมาร์ทซิตี้ในหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ผลักดัน
วัน ออริจิ้น เติบโตพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มั่นใจศักยภาพการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและหลากเมกะโปรเจกต์ในแถบ EEC ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กางแผนเปิด 5 คอนโดใหม่ในระยอง-ชลบุรีด้วยหลากแบรนด์ อาทิ บริกซ์ตัน ไนท์บริดจ์ แฮมป์ตัน มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ต่อยอดความสำเร็จ เจาะทั้งตลาดคนทำงาน EEC, ตลาดนักศึกษาแคมปัส และกลุ่มผู้เริ่มต้นลงทุน เตรียมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ผ่านการเปิดตัวบริกซ์ตัน ระยอง คอนโด 1.39 ล้านที่มาพร้อมกับ Hotel Service และบริการอาหารเช้าฟรี!
นายปิติ จารุกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากแผนการเติบโตแบบพหุจักรวาล หรือ Origin Multiverse ของเครือออริจิ้น ที่มุ่งผลักดันให้บริษัทย่อยมีเส้นทางการเติบโตเป็นของตัวเอง และทยอยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทางเครือได้มีการปรับโครงสร้างให้บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด ย้ายจากการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) โดยตรงสู่การเป็นบริษัทย่อยของบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด เพื่อเสริมแกร่งให้
วัน ออริจิ้น มีรายได้จากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร จากทั้งธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) อย่างโรงแรม อาคารสำนักงาน คอมมูนิตี้มอลล์ ที่วัน ออริจิ้น ดำเนินการอยู่แล้ว และมีรายได้จากธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ภายใต้การพัฒนาของ ออริจิ้น อีอีซี
“การผสานพลังกันระหว่างวัน ออริจิ้น และออริจิ้น อีอีซี จะช่วยให้การสร้างเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ท ซิตี้ ตามหัวเมืองต่างๆ เป็นไปได้ง่ายขึ้น ครบวงจรยิ่งขึ้น โดยออริจิ้น อีอีซี จะมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตามหัวเมืองใหญ่ต่างๆ ซึ่งอาจไม่จำกัดอยู่แค่ในอีอีซีเหมือนในอดีต และกลายเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่ช่วยผลักดันให้วัน ออริจิ้น สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ตามเป้าหมาย” นายปิติ กล่าว
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทในปี 2565 นี้ จะยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในแถบเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor หรือ EEC) ตอกย้ำความแข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้นำที่อยู่อาศัยครบวงจรในภาคตะวันออก อีกทั้งปัจจุบัน โครงการขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจกต์ในพื้นที่ EEC ยังคงมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฟสที่ 2 ของการพัฒนา EEC ระหว่างปี 2565-2569 คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 โครงการขนส่งทางราง และคาดการณ์ว่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่พื้นที่ได้มากกว่า 2.2 ล้านล้านบาท บริษัทจึงเชื่อมั่นว่า การเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ จะผลักดันความต้องการที่อยู่อาศัยภายในพื้นที่ให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย
นายปิติ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของออริจิ้น อีอีซี ในปี 2565 นี้ ตั้งเป้าจะเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 5,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.บริกซ์ตัน แคมปัส บางแสน (Brixton Campus Bangsaen) มูลค่าโครงการ 460 ล้านบาท 2.บริกซ์ตัน ระยอง (Brixton Rayong) มูลค่าโครงการ 810 ล้านบาท 3.ไนท์บริดจ์ สเปซ ระยอง (KnightsBridge Space Rayong) มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท 4.บรอมพ์ตัน ระยอง (Brompton Rayong) แบรนด์ใหม่ของเครือ มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท และ 5.แฮมป์ตัน เอ็กเซ็กคูทีฟ ศรีราชา (Hampton Executive Sriracha) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท โดยทั้ง 5 โครงการมีการกระจายตัวเจาะหลากหลายกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย กลุ่มคนทำงานในพื้นที่ EEC ไปจนถึงกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มต้นวางแผนลงทุน และถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทจะนำห้องดูโอ สเปซ รูปแบบใหม่มาเปิดขายที่ระยอง
“ปีนี้เราเริ่มต้นเปิดตัวโครงการแรกด้วยบริกซ์ตัน แคมปัส บางแสน คอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี และสร้างปรากฏการณ์ Sold out ไปได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเรานำคนรุ่นใหม่ และคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ EEC จริงๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการ ตั้งแต่การออกแบบ ไปจนถึงการขาย ทำให้เข้าใจ Customer Insight และความต้องการของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง” นายปิติ กล่าว
สำหรับโครงการถัดไปที่จะเปิดตัว คือโครงการบริกซ์ตัน ระยอง ซึ่งจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ คอนโดพลัสเซอร์วิส ผสมผสานห้องแบบคอนโดเข้ากับบริการระดับโรงแรม บริหารจัดการโดยบริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์
แมเนจเม้นท์ จำกัด (HHR) โดยมีหลากหลายบริการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย อาทิ 24hrs Concierge Service บริการทำความสะอาดห้องพัก บริการ Shuttle Bus รวมถึงมีบริการอาหารเช้าฟรี ในราคาที่เข้าถึงได้ เริ่มต้นเพียง 1.39 ล้านบาท ล่าสุด บริษัทได้ปล่อยแคมเปญ “Good Morning Rayong” นำอาหารเช้าไปเสิร์ฟให้กับชาวระยองตามสี่แยกต่างๆ ได้รับกระแสตอบรับจากคนในพื้นที่ระยองอย่างล้นหลาม
ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมบริกซ์ตัน ระยอง จะเปิดให้ชมห้องตัวอย่างในวันที่ 2 เม.ย.นี้ พร้อมหลากโปรโมชั่นสุดพิเศษ อาทิ ส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.origin.co.th/condo/brixton-rayong/
สำหรับบริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในแถบเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มีหลากหลายโครงการที่ถือเป็นระดับเมกะโปรเจกต์และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค อาทิ การพัฒนาโครงการออริจิ้น ดิสทริค แหลมฉบัง-
ศรีราชา (Origin District Laemchabang-Sriracha) บริเวณตรงข้าม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา จ.ชลบุรี โครงการออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง (Origin Smart City Rayong) เมืองอัจฉริยะบนพื้นที่กว่า 24 ไร่ บริเวณแยกเนินสำลี
จ.ระยอง
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 98 โครงการ (ณ สิ้นปี 2564) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN), ดิ ออริจิ้น (The Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 143,800 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจเฮลท์แคร์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร
ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน